วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

5 ข้อคิดในการตั้งหน้าร้าน



ในการทำธุรกิจ ทำเลที่ตั้งของร้านค้าเป็นสิ่งสำคัญมากต้องคิดให้ดี ๆ ถ้าเลือกทำเลที่ตั้งไม่ดีลูกค้าเป้าหมายก็จะไม่เห็นหน้าร้าน คนจะเข้าร้านน้อย สินค้าก็จะขายยาก รายได้ไม่มา แต่รายจ่ายรอท่านอยู่ทุกสิ้นเดือน ทั้งค่าเช่าร้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าแรงพนักงาน สุดท้ายขาดทุนปิดร้านปูเสื่อกลับบ้านกันไป ดังนั้น การตั้งหน้าร้านเพื่อให้คนเห็นและเข้ามาซื้อ มีหลักสำคัญในการเลือกดังนี้

1.สินค้าคุณคืออะไร


ในการเริ่มต้นทำธุรกิจต้องตอบคำถามแรกให้ได้ก่อนว่า สินค้าของคุณคืออะไร จริง ๆ แล้วคุณขายอะไรกันแน่ สินค้าคุณแก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้า นักธุรกิจมือใหม่ส่วนใหญ่ เวลาเริ่มต้นธุรกิจมักจะเริ่มจากตัวสินค้าก่อน เช่น อย่างเปิดร้านขายเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ร้านชาเขียว รับประกันเลยว่าส่วนใหญ่มักจะเจ๊ง เพราะ เป็นสินค้ามีการแข่งขันสูง ถูกลอกเลียนแบบได้ง่าย คู่แข่งก็เยอะ ใครๆก็เข้ามาแข่งง่าย

ดังนั้นการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันการทำธุรกิจจะเริ่มจากการออกแบบ "คุณค่า (Value) " ของสินค้าก่อน ว่า สินค้าและบริการของเรากำลังที่จะไปช่วยเพิ่มความสุขและลดความทุกข์ให้ลูกค้าได้อย่างไร

การที่เรารู้จักลูกค้าและการออกแบบคุณค่าของสินค้าสินค้าของเราให้ชัดเจนก่อนเริ่มตั้งร้าน จะช่วยให้สามารถวางแผนการทำการตลาด และหาทำเลที่ตั้งให้ตรงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มมากขึ้น ในบางครั้งธุรกิจในฝันของคุณอาจจะไม่ต้องตั้งหน้าร้านแบบเป็นัวเป็นตนเลยก้ได้ขายออนไลน์ก็เพียงพอ

2.ในบริเวณนั้นมีกลุ่มลูกค้าหรือไม่


ถ้าผู้อ่านสามารถตอบคำถามได้ชัด ๆ ว่า สินค้าของเราคืออะไร ลูกค้าของเราเป็นใคร ต้องเริ่มเดาก่อนว่า ลูกค้าเราอยู่ที่ไหน เช่น สินค้าของเราเน้นเจาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ทำเลที่ตั้งก็ควรจะอยู่หน้ามหาวิทยาลัย หรือจะขายอาหารคลีน เจาะกลุ่มคนวัยทำงาน ก็ควรเลือกทำเลที่ตั้งใกล้ ๆ แหล่งสำนักงานเป็นต้น

เมื่อได้สมมติฐานแล้วก็ต้องไป ลงพื้นที่สำรวจตลาดให้แน่ใจ ว่า มีลูกค้าที่เราจะทำตลาดด้วยจำนวนเท่าไร และมีความต้องการสินค้าเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงธุรกิจให้ไปรอดได้หรือไม่

ข้อแนะนำ คือ ไปยืนนับลูกค้าเลยว่า จำนวนคนเดินผ่านเท่าไร เพศและอายุเป็นเท่าไร พฤติกรรมเป็นอย่างไรเดินผ่านเฉย ๆ รีบกลับบ้าน หรือเดินผ่านแล้วเลือกสินค้าไปด้วย เมื่อคนเข้าร้านแล้วมีการซื้อสินค้าหรือไม่ ดูจากเดินเข้าแล้วมีการถือถุงออกมาหรือเปล่า จดด้วยก็ดีว่าสินค้าที่ซื้อมูลค่าประมาณเท่าไร

3.ระวังเรื่องช่วงเวลา


หลายธุรกิจมักจะตกม้าตายเรื่องของช่วงเวลา เราต้องศึกษาให้ดีๆว่าทำเลที่เราสนใจกลุ่มลูกค้ามาเยอะช่วงเวลาไหน ไม่ใช่เดินผ่านๆเห็นคนเยอะนึกว่าลูกค้าจะมาทั้งวันก็เปิดร้านเลย

ยกตัวอย่างเช่นการเปิดร้านค้าทำเลหน้ามหาวิทยาลัย คนตัวไปอาจมองว่าคนเยอะขายของง่าย แต่ทำเลหน้ามหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนถือว่าเป็นทำเลปราบเซียนทำเลหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าไปดูดี ๆ จะพบว่าช่วงปิดเทอมคนเงียบยังกับเป่าสาก ยอดขายลดลง แต่รายจ่ายเท่าเดิมทั้งค่าแรงและค่าเช่า ถ้าช่วงเปิดเทอมสายป่านไม่ยาวพอ หลายร้านค้าก็จะต้องล้มหายตายจากไป

4.เช็คให้ชัวร์จากการทำการตลาดออนไลน์


เดี๋ยวนี้การทำธุรกิจต้อง ทำทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ในการทำโฆษณาบน Facebook มีเครื่องมือช่วยวิจัยตลาดได้ โดยดูจากความสนใจของลูกค้าที่เราสนใจว่ามีขนาดเท่าไรเพียงพอที่จะทำธุรกิจหรือไม่

โดยที่เราสามารถการกำหนดได้ตั้งแต่ เพศ อายุ และความสนใจ ที่น่าจะเป็นลูกค้าของเรา ระบบจะประมาณการกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่น่าจะสนใจสินค้าของเราขึ้นมา ถ้าดูแล้วมีจำนวนที่มากพอที่จะทำกำไรได้คุ้มต้นทุนคงที่ก็ถือว่าดีทำแล้วน่าจะรอด

เช่น จะขายอาหารสุขภาพให้พนักงานผู้หญิงออฟฟิศแถวอโศก ก็กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็น ผู้หญิง อายุ 25 ขึ้นไป ทำเลที่ตั้ง อโศก ความสนใจ อาหารสุขภาพ สมมติว่า ได้ตัวเลขมา 3000 คน ถ้าจุดคุ้มทุนของร้านอยู่ที่ 30 คนต่อวัน ก็คือต้องมีลูกค้าหมุนเวียนประมาณ 1% ถ้ามองว่า ทำได้ชัวร์ก็พอลงทุนได้ แถมยังสามารถทำการตลาดออนไลน์เพิ่มยอดขายได้อีก

5.ระวังทำเลรอง


เงินไม่มีขาต้องให้คนพามา บางทำเลขายของ ต่างกันแค่ล็อกเดียวยอดขายต่างกันราวฟ้ากับเหว อย่างเช่น ร้านหัวมุมกับร้านติดกันที่ต้องเดินเข้าซอยไปอีกนิดเดียว คนอาจจะมองว่า ล็อกติดกันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าลองมาขายจริงจะพบว่า ยอดขายต่างกันมาก เนื่องจากพอตัวร้านอยู่ลึกเข้าไปในซอย การเห็นของลูกค้าก็จะลดลง เมื่อลูกค้าเห็นน้อยลงโอกาสที่ลูกค้าจะเข้าร้านก็น้อยลงและโอกาโอกาสปิดการขายก็จะน้อยลงตามไปด้วย

ดังนั้น ถ้าจะเลือกทำเลสำหรับการค้าขายถ้าเงินถึงแนะให้เลือกทำเลหลักเลยดีกว่า อยู่หลบ ลูกค้าก็ไม่เห็นขายของก็ยาก กำไรไม่พอรายจ่ายโอกาสขาดทุนสูง โดยส่วนตัวแนะนำว่า ถ้าหาทำเลดี ๆ ไม่ได้ แต่เช็คตามกลุ่มผู้สนใจใน Facebook แล้วว่า มีจำนวนที่มากพอ ก็ขายออนไลน์ไปก่อนก็ได้ไม่ต้องเช่าหน้าร้าน

จะเห็นว่า ทำเลมีความสำพันธ์สัมพันธ์กับยอดขายของธุรกิจเป็นอย่างมาก ถ้าเลือกทำเลไม่ดี โอกาสในการขายก็จะน้อยละ โอกาสขาดทุนก็จะมีมากขึ้น บทความนี้ได้แนะนำตั้งแต่สินค้าของคุณคืออะไร มีคุณค่าชัดเจนหรือไม่ ลูกค้าเป็นใคร และอยู่ที่ไหน ทำเลที่เราสนใจมีกลุ่มลูกค้าหรือไม่ ยืนยันตัวเลขด้วยความสนใจในFacebook เมื่อได้ทำเลที่ดีตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแล้วต่อไปก็คือขั้นตอนการทำความฝันให้เป็นจริงครับผม

พอหาทำเลที่เหมาะสมได้แล้ว ก็ถึงเวลาตั้งร้าน ลงมือขายจริง เพื่อให้ได้ประสบการณ์กลับมาพัฒนาธุรกิจของเราให้ขายดิบขายดีกว่าเดิม หากใครอยากได้เคล็ดลับการทำธุรกิจดี ๆ หรือหาความรู้เพิ่มเติม ก็สามารถเข้ามาดูได้ที่ Krungsri Guru กันนะครับ